วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

ปลุกจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัยให้กับตัวเอง


วันนี้ผมได้รับโอกาสอันดีจากโรงงานอิเล็กโทรนิคแห่งหนึ่งเพื่อมาพูด ปลุกจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัยในการทำงานในเวลาสั้นๆ 1 ชม โดยใน 1ชม.ที่มีค่าต่อไปนี้ เหมือนเดิม ผมตั้งเป้าหมายไว้ว่า ต้องพูดในเรื่องที่ผู้ฟังทุกคนฟังแล้วชอบ ได้ประโยชน์ และประทับใจ มากไปกว่านั้นจะต้องปลุกจิตสำนึกความปลอดภัยของทุกคนให้ตื่นขึ้นมาให้ได้ ดังนั้นผมจึงเลือกเรื่องง่ายๆที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตประจำวันที่น่าสนใจ และมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของทุกคนมากที่สุดมาเล่า

เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องใหม่ที่หลักความปลอดภัยสมัยใหม่เริ่มนำมาใช้มากขึ้นแล้ว โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับ อารมณ์ และสติ เป็นสำคัญ ตามที่เราเคยได้ยินว่าสติมาปัญญาเกิด สติเตลิดมักเกิดปัญหา เพราะสติ มีผลต่ออารมณ์ อารมณ์มีผลต่อการกระทำ การรกระทำมีผลต่อผลลัพท์ แต่ ถ้าการกระทำที่เกิดจากอารมณ์ที่ไม่ดี หงุดหงิด รีบร้อน ผลลัพธ์ก็คือ อุบัติเหตุ บาดเจ็บ และเสียชีวิตจริงหรือไม่จริงต้องฟังเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้


ภาพประกอบ : prettygirl-online.com

ผู้หญิงคนหนึ่งขาวสวย หุ่นดี  เก่ง ฉลาด  งานการดี มีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยชื่อดังเป็นเครื่องรับประกัน  ในเช้าวันหนึ่ง ขณะกินข้าวอยู่ เธอเล่าปัญหาเรื่องที่ทำงานให้สามีฟัง แต่สามีให้ความสำคัญกับทีวีมากกว่า จึงไม่ได้ฟังเธอ เธอโกธรมาก เอะอะโวยวาย เธอโกธรจนหน้าขาวๆ สวยๆ ของเธอเป็นสีแดงกร่ำ เธอปัดจานกับข้าวหล่นแตกกระจัดกระจาย และรีบถอยรถออกออกไปทำงานทันที ทันใดนั้นเองรถคันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาชนท้ายรถเธออย่างจัง รถเธอหมุนติ้ว ไปฟาดกับเสาไฟฟ้าหัก สามีตกใจรีบออกไปดูปรากฎว่า กระจกข้างที่เธอนั่งแตกกระจาย มีเลือดไหลออกมาจากขอบประตูด้านล่าง พอเปิดประตูออกมา เธออยู่ในสภาพแน่นิ่ง เลือดออกเต็มศีรษะ ไร้การตอบสนองใดๆ สามีจึงรีบพาไปหาหมอ หมอบอกว่า หมอได้ใช้ความพยายามสุดความสามารถแล้ว เธอยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่ต้องเป็นเจ้าหญิงนิทรา และเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต หมอเสียใจด้วย สามีเข่าอ่อนลงไปฟุบลงไปทั้งยืน สิ้นหวัง ไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลพรากที่สองแก้ม ปล่อยโฮกลางห้องพยาบาล โดยไม่อายใคร

ผู้หญิงสวย...เก่ง...มีอนาคต...ใครๆก็อยากได้ตัวไปทำงาน...มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าใครทั้งหมด...แต่สุดท้าย...เหลือแต่ร่างไร้วิญญาณ...เป็นภาระของครอบครัว...ภาระของสังคม...ไร้ค่า...เพราะ...ความโกธรชั่ววูบได้ทุบจิตสำนึกความปลอดภัยเสียจนแตกกระจาย...ไม่มีชิ้นดี ด้วยสิ่งนี้ สิ่งเดียวที่เรียกว่าอารมณ์ ที่ขาดสติ

รีบร้อน รีบมากก็เหนื่อยมาก เหนื่อยมากก็หงุดหงิด หมดแรง ตาไม่มอง อารมณ์เสีย ทำอะไรก็ผิดพลาด แล้วก็เกิดอุบัติเหตุ

สิ่งเหล่านี้คือวงจรที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุ ก็คือเรื่องของ พฤติกรรมเสี่ยงที่เกิดจาก สติ และอารมณ์นั่นเอง

ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมความปลอดภัย (BBS) กล่าวไว้ว่า

ถ้ามี 5 ไม่...จะไม่เกิดอุบัติเหตุ

1. ไม่รีบร้อน       
2. ไม่หงุดหงิด       
3.ไม่อ่อนเพลีย        
4. ไม่ละสายตา      
5. ไม่ขาดสติ





จำไว้ว่า เมื่อขาดสติ อารมณ์จะนำคุณไปสู่ หายนะ อุบัติเหตุ บาดเจ็บ และความตาย

www.pramoteo.com


วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

ปลุกจิตสำนึกการสวมใส่ PPE



วันนี้ได้มีโอกาสไปพูด "ปลุกจิตสำนึกการสวมใส่ PPE" สั้นๆ 1 ชม. ให้กับกลุ่มบริษัท Oil and Gas แห่งหนึ่ง เวลาค่อนข้างจำกัด ดังนั้นทุกนาทีต้องเป็นเรื่องที่ "คนฟังชอบ...ได้ประโยชน์... และประทับใจ" ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนการพูดทุกครั้ง

ผมอยู่ในวงการด้าน PPE มานาน เห็นอะไรมาก็มาก ฟังมาก็มากจากพนักงาน และผู้บริหาร ทั้งการบริหารจัดการที่ดี และการบริหารจัดการPPE ที่ต้องปรับปรุง

จากการเดินทางไปทั่วประเทศทำให้พบว่าปัญหาการบริหารจัดการเรื่อง PPE หลักๆมีดังนี้ คือ ไม่สวมใส่, ใช้ผิดประเภท, ใช้ผิดวิธี, ใช้ที่ชำรุด และ รู้และเข้าใจแต่ไม่ปฏิบัติตาม 

หัวหน้างาน หรือจป.บางคนก็จะโทษว่า พนักงานไม่ดี...สอนแล้วบอกแล้ว ซื้อให้แล้ว แต่ก็ไม่ยอมสวมใส่ แต่จากประสบการณ์ของผมกลับพบว่ามันเป็นเรื่องของการบริหารจัดการเสียมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของ การปลูกฝังพฤติกรรมความปลอดภัย BBS หรือ Behavior-Based Safety ผู้บริหารโครงการเองรวมถึงหัวหน้างาน หรือจป.เองก็ยังไม่เข้าใจชัดเจนว่า PPE แต่ละชนิดมีการใช้งานอย่างไร และดูแลรักษาอย่างไรอย่างถ่องแท้... และยิ่งทำการเลือก PPE ให้พนักงานเองโดยที่เขาไม่มีส่วนร่วมในการเลือกคงจะเป็นอะไรที่ยากยิ่ง หากอยากที่จะให้เขาสวมใส่...

  ภาพ : อบรม PPE
หัวหน้างานบางคน เจอพนักงานไม่ใส่หน้ากากก็เข้าไปตำหนิเลยว่า "ใส่เดี๋ยวนี้!" แล้วก็เดินจากไปโดยไม่มีการพูดคุยเพื่อค้นหาสาเหตุแฝง เพื่อนำมากำจัดไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก (Action to prevent recurrence) 

บางคนดีหน่อยเขาไปบอกว่า "ถ้าไม่ใส่หน้ากากอาจจะเป็นโรคปอดอักเสบได้นะครับ" .... แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมปัญหามันก็ยังเกิดซ้ำไป ซ้ำมา ไม่มีที่สิ้นสุด 

ผู้เชี่ยวชาญด้าน BBS กล่าวไว้ว่า..."ถามให้เขาคิด...ดีกว่าบอกให้เขาทำ" (Asking is better than telling) ธรรมชาติของคน...ไม่ชอบให้ใครมาบอก เคยสังเกตมั้ยครับว่า พ่อแม่ที่สอนลูกให้คิด... "ลูกจะประสบความสำเร็จมากกว่า...ลูกที่พ่อแม่บอกให้ทำ"

ลองถามใจตัวเองดูว่า...กี่ครั้งที่พนักงานไม่มีส่วนร่วมในการเลือก PPE...กี่ครั้งที่เราบอกให้เขาทำ หรือ นับครั้งไม่ถ้วนที่เราต้องเจอกับปัญหาเดิมๆ ลองสังเกตภาพด้านล่างนี้นะครับ ว่าคนขับ อยากจะบอกอะไร...เมื่อเขาอยู่บนถนนสขุมวิทในเวลาที่เลิกงานพอดี



เพื่อนๆหลายคน เข้าใจว่ารถติดมาก...วิ่งได้แค่ 4 กม/ชม เองเหรอ... บางคนสงสัยอีกว่าแกล้งขับช้าหรือเปล่า...เพราะคันหน้าก็อยู่ไกลออก...แต่แท้ที่จริงแล้วคนขับต้องการที่จะบอกว่า น้ำมันกูใกล้จะหมดแล้วเว้ย พวกมึงคิดอะไรกันอยู่! เกรียนจริงๆ...มีน้อยคนนักที่รู้ว่าน้ำมันจะหมด

เมื่อเราด่วนพิพากษา ผลที่ตามมา คือ ความหายนะที่จะเกิดขึ้นกับเรา และความปลอดภัยของพนักงานทุกคน




ปราชญ์จีนกล่าวไว้ว่า... ความสำเร็จเลยความล้มเหลวไปนิดเดียว...ดังนั้นเมื่อคุณรู้สึกว่าปัญหาด้าน PPE มันมากซะเหลือเกิน ให้คิดเสียว่าคุณใกล้ที่จะจัดการกับมันได้แล้วล่ะ...สวัสดี



www.pramoteo.com