วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

อันตราย ยาเสพติดในมือคุณ


ยาเสพติดชนิดใหม่ได้ระบาดไปแล้ว ทั่วโลก…!  การออกฤทธิ์อย่างเฉียบพลันของมัน ทำให้เรามีอาการหงุดหงิด อารมณ์เสีย กระวนกระวาย ทุรนทุราย และตอนนี้มันหาซื้อได้ง่ายมาก มันกำลังอยู่ในมือของพวกเราหลายๆคน

ตอนนี้...มันติดหนึบกับชีวิตของเราแล้ว มันอยู่กับเราทั้งวันทั้งคืน ขัดขืนไม่ได้ มันควบคุมเราแทบจะทั้งชีวิต...

เจ้ายาเสพติดชนิดนี้ ที่อยู่ในมือของเรา มีชื่อว่า...สมาร์ทโฟน...
ลองหลับตา นิ่งๆ แล้วลองถามตัวเองดูสิว่า เราเคยห่างจากมันนานที่สุด กี่นาที...?

เรากำลังเสพติดเจ้าสิ่งเหล่านี้อยู่หรือเปล่า...Facebook, Twitter, LINE, Youtube และอื่นๆมากมาย...  

ในอเมริกามีข้อมูลที่น่าสนใจมาก เกี่ยวกับการใช้ สมาร์ทโฟน ดังนี้

84 % ของกลุ่มตัวอย่าง ต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วยทุกครั้ง เมื่อออกไปข้างนอก
50 ของคนอเมริกัน เอาสมาร์ทโฟนไปนอนด้วย 
20 ของกลุ่มตัวอย่าง เช็คสมาร์ทโฟนทุกๆ 10 นาที
20 ของกลุ่มตัวอย่าง ตั้งกลุ่มเพื่อแชท และส่งข้อความ



ภาพ: การระบาดของสมาร์ทโฟนในฮ่องกง


เป็นเรื่องที่น่าตกตลึง และประหลาดมาก เมื่อทุกคนนั่งกินข้าวด้วยกัน แทนที่จะนั่งมองหน้ากัน มองตากัน คุยกัน กลับกลายเป็นว่า ทุกคนจ้องลงไปที่สมาร์ทโฟน แล้วก็คุยแบบไม่ใช้เสียงกับคนที่อยู่ข้างใน ไม่เฉพาะบนโต๊ะกินข้าว แต่เราสามารถเห็นได้ที่หนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นเป็นรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง ทางเท้า สวนสาธารณะ หรือแม้แต่กระทั่งในโรงภาพยนตร์




ภาพ: แสงสะท้อนจากโทรศัพท์มือถือในโรงหนัง


เคยสังเกตมั้ยครับว่า นั่งอยู่ในโรงหนังมืดๆ แต่กลับมีแสงสว่างแวบๆ วาบๆ เป็นจุดๆ บ้างก็สะท้อนเข้าตาเรา บ้างก็สะท้อนไปที่จอหนัง มันน่ารำคาญจริงๆ ทั้งๆที่ในโรงหนัง มันก็บอกอยู่แล้วว่าให้ปิดโทรศัพท์ บางคนโมโหมากก็โวยวาย ต่อว่าไอ้คนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎกติกา  แต่ดูเหมือนว่า จะไม่เป็นผลอะไร พวกเขาทำเหมือนเดิม

ที่ผมเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องของพฤติกรรมของคนยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป แต่เมื่อพฤติกรรมเปลี่ยนผลลัพธ์ก็เปลี่ยน อาจจะมีทั้งดีบ้าง และไม่ดีบ้าง แต่วันนี้ผมขออนุญาตเล่าเฉพาะส่วนที่ไม่ดี ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน และคนอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงนะครับ


The Institute of Advanced Motorists ของ UK ทำการวิจัยแล้วพบว่า

การใช้สมาร์ทโฟนขณะขับขี่ มีอันตรายสูงมากกว่าการขับขี่ในขณะที่ดื่มสุราในระดับปานกลาง มากถึง 37.6 % โดยเฉพาะการพิมพ์และส่งข้อความ 

นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ UK ไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์สื่อสารใดๆเลย ในขณะขับขี่
เพราะว่า ในขณะที่เราขับขี่โดยใช้โทรศัพท์มือถือไปด้วยนั้น สมองจะทำงาน 3 อย่างในเวลาเดียวกัน คือ จับพวกมาลัย มองเส้นทาง และจดจ่อกับสมาร์ทโฟน และผลที่ตามมาคืออุบัติเหตุ ที่อาจถึงขั้นร้ายแรง พิการ หรือเสียชีวิตได้

บางครั้งอุบัติเหตุ ก็ไม่ได้เกิดจากการใช้สมาร์ทโฟนขณะขับขี่ แต่มันเกิดจากการเดินธรรมดาๆ แล้วใช้สมาร์ทโฟน ที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรม




ภาพ : Katherine Littewood สาวน้อยวัย 15 ปี ผู้เสียชีวิต


ที่ประเทศอังกฤษ มีข่าวที่น่าสลดใจเกิดขึ้น  

เมื่อ Katherine Littewood เด็กหญิงคนหนึ่งวัย 15 ปี  ได้ก้าวเท้าลงไปบนชานชลา และถูกรถไฟชนตาย ทั้งๆที่คนขับรถไฟ ได้ทำการกดแตร ให้สัญญาณ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่เธอไม่ได้ยิน และไม่เห็นสัญญาณไฟกระพริบด้วย

ภายหลังการสอบสวนอุบัติเหตุพบว่า ขณะที่เดินลงไปบนชานชลา เธอฟังไอพอด และใช้สมาร์ทโฟนแชทกับเพื่อน โดยไม่มองทางเดิน และไม่ได้ยินหรือเห็นสัญญาณใดๆเลย
ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าเด็กอายุ 11 ปีได้รับบาดเจ็บจากการเดินบนท้องถนนมากเป็น 3 เท่า มากกว่าตอนอายุ 10 ปี เนื่องมาจากโดยเฉลี่ยแล้วพ่อแม่จะซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกให้ลูก เมื่อลูกอายุ 11 ปี และบาดเจ็บจะเพิ่มอีกเป็น 6 เท่าเมื่อทำการส่งข้อความหรือแชท

นอกจากนี้ ยังมีบางคนตกลงไปในชานชลารถไฟอีกด้วย มีทั้งที่เดินตกลงไปเอง และเดินชนคนที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขาตกลงไป เพราะคนใช้สมาร์ทโฟนขณะเดิน จิตใจไม่จดจ่อกับความปลอดภัย แต่กำลังจดจ่อกับการมองโทรศัพท์




ภาพ:ป้ายรณรงค์การไม่ใช้สมาร์ทโฟนในญี่ปุ่น


ที่ประเทศญี่ปุ่น

ในปี 2010 กระทรวงการคมนาคมและการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ได้รับรายงานมาว่ามีคนตกลงไปในชานชลา ถึง 11 คน และในปีถัดมา 2011 จำนวนคนที่ตกลงไปในชานชลาสูงขึ้นถึง 18 คน
นอกจากนี้แล้ว University of Tsukuba ได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับเด็กนักเรียนในโตเกียว และโอซาก้าพบว่ามากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ถูกเดินชนจากคนที่ใช้สมาร์ทโฟนในขณะที่เดิน

ในประเทศญี่ปุ่นเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก ถึงขนาดมีการประชุมกับตำรวจ บริษัทผลิตและให้บริการอุปกรณ์สื่อสาร บริษัทที่จัดสร้างถนน เพื่อค้นหาวิธีการในการแก้ปัญหาดังกล่าว จนถึงขนาดคิดที่จะทำการแบนการใช้สมาร์ทโฟนขณะเดิน

ถึงเวลาหรือยังครับที่ประเทศของเรา ...
และพวกเราจะต้องกลับมาให้ความสำคัญกับความปลอดภัย...

ถ้าคุณก้มหน้าก้มตาขณะเดิน...คุณจะไม่เห็นอะไรเลย...
เมื่อคุณไม่เห็น...ชีวิตคุณก็ไม่ปลอดภัย...


ปราโมทย์ โอภาสมงคลชัย

พฤติกรรมความปลอดภัย...สร้างได้...
ต่างที่คิด...ชีวิตจึงปลอดภัย...