วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เมื่อใดต้องใส่หน้ากาก


ปัญหาโลกแตกที่นายจ้างและลูกจ้างเถียงกันก็คือว่า "เมื่อใดต้องใส่หน้ากาก?" นายจ้าง หรือหัวหน้างาน หรือ จป.บางคนบอกว่าสารเคมีมันเข้มข้นไม่เกินมาตรฐานไม่ต้องใส่ แต่พอนายจ้างหรือแขกมาเยี่ยมชมโรงงานก็มักจะมีให้ใส่ครบ และตัวนายจ้าง หรือผู้บริหารบางคนเองก็มักจะใช้รุ่นที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าลูกจ้างที่ทำงานที่มีความเสี่ยงมากว่า...ถ้าเราเป็นลูกจ้างเราจะคิดอย่างไร ต้องเกิดการเปรียบเทียบแน่นอน แล้วความสามัคคีในองค์มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
เรามาดูที่ OSHA (Occupational Safety and Health Administration) กำหนดไว้ดีกว่า เพื่อใช้ในการตัดสิน ว่าลูกจ้างจำเป็นต้องสวมใส่หน้ากาก หรืออุปกรณ์ปกป้องระบบทางเดินหายใจให้เหมาะสมเมื่อใด OSHA กล่าวไว้ว่า เมื่อต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีระดับออกซิเจนที่ไม่เพียงพอ หรือที่ที่มีอันตรายจากฝุ่น ควัน ละออง ฟูม ก๊าซ ไอระเหย หรือสเปรย์ สารอันตรายเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง โรคปอด หรือโรคอื่นๆ หรือทำให้เสียชีวิตได้ เมื่อการป้องกันเชิงวิศวกรรมไม่เพียงพอที่จะลดหรือ กำจัดสารพิษปนเปื้อนในบรรยากาศการทำงานออกไปได้ หน้ากากจึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้


ส่วนหน้ากากชนิดที่มีการส่งผ่านอากาศให้หายใจ (Supplied-air respirator) สามารถนำมาใช้ได้ในสภาวะที่ขาดออกซิเจน นอกจากนี้ในภาวะที่ขาดออกซิเจน หรือในสภาวะอันตรายอื่นๆในบรรยากาศอันตราย อัตราการเต้นถี่ขึ้นของหัวใจและอัตราการหายใจจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเกิดขึ้นได้ง่าย ซึ่งนำมาสู่ความสูญเสียหรือหายนะ ถ้าเกิดขึ้นในขณะที่ลูกจ้างกำลังทำงานที่เสี่ยงอันตราย (At risk) หรือ ปีนบันได ทำงานในที่สูง ที่อับอากาศ หรืองานใดๆที่เป็นอันตราย ยิ่งจะมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นไปอีก
ลูกจ้างจำเป็นต้องสวมหน้ากาก เมื่อการป้องกันเชิงวิศวกรรมไม่เพียงพอ (Inadequate of engineering control) ส่วนวิธีการที่จะควบคุมบรรยากาศที่ปนเปื้อนสามารถทำได้โดยการปกคลุม ระบายอากาศ หรือจำกัดพื้นที่บริเวณนั้น หรือ กระทำโดยให้ระดับความเป็นพิษของสารนั้นลดลง
หน้ากากมีข้อจำกัด (Respirator limitation) และไม่สามารถที่จะใช้แทนที่ได้ดีกว่าการป้องการเชิงวิศวกรรม (Engineering control) หรือควบคุมที่การทำงาน (Operation control) บางครั้งมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สิ่งเหล่านี้ในการควบคุมหรือลดประมาณสารปนเปื้อนให้ต่ำกว่าค่ามาตรฐานด้านสุขภาพในการทำงาน (Occupational Exposure Limited) เช่น ระหว่างทำการซ่อมบำรุง ภาวะฉุกเฉิน หรือในขณะที่การป้องกันเชิงวิศวกรรมกำลังถูกติดตั้ง หน้ากากอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้
เมื่อการใช้หน้ากากได้ถูกระบุจำเพาะไว้ในวิธีการทำงาน (Operating instruction) การเลือกใช้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นดังต่อไปนี้
  • เขียนขั้นตอนจำเพาะในการทำงาน
  • การประเมินผลของรายการปฏิบัติ
  • การเลือกหน้ากากที่เหมาะสม ที่ได้รับรองมาตรฐานจาก NIOSH
  • การอบรม
  • การทดสอบความกระชับของหน้ากาก
  • การตรวจสอบ การทำความสะอาด การบำรุงรักษา และการจัดเก็บ
  • การประเมินทางการแพทย์
  • การเฝ้าระวังในการทำงาน
  • คุณภาพมาตรฐานของอากาศ



สรุป
  • การสวมใส่หน้ากากไม่ได้หมายความว่า ต้องสวมใส่เมื่อระดับความเข้มข้นของสารปนเปื้อนในอากาศสูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้เท่านั้น เพราะร่างกายแต่ละคนมีความต้านทานไม่เท่ากัน
  • การป้องกันเชิงวิศวกรรมมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และต้องเป็นตัวเลือกแรกในการป้องกัน
  • การใช้หน้ากากทุกครั้งต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพราะถ้าใช้ผิดประเภท ผิดวิธี อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บ เป็นโรค หรือเสียชีวิตได้
  • การจัดทำโปรแกรมปกป้องระบบทางเดินหายใจ และอบรมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้สวมใส่หน้ากาก และผู้เกี่ยวข้อง
เขียนโดย
ปราโมทย์ โอภาสมงคลชัย
ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา และวิทยากรด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย


อ้างอิง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น