จริงๆแล้ว ไม่ใช่เฉพาะอาชีพวิทยากรเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบ แต่
แทบทุกอาชีพบนโลกนี้เลยทีเดียว ที่ได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง
โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องพบปะผู้คน หรือ ที่รายได้ เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นกีฬา คอนเสิร์ต งานมหรสพ ต่างๆ รวมถึงงานสัมมนาด้วย
งานสัมมนา หรือ การอบรมนั้น ย่อมหนีไม่พ้นคนที่เป็น วิทยากร นั่นเอง ที่รับผลกระทบเต็มๆ
ดังนั้น
คนที่เป็นวิทยากรตอนนี้ มีรายได้ 0 บาท เพราะไม่สามารถออกไปพบปะใครได้
แต่บางคนก็หารายได้เพิ่ม ด้วยการทําคอร์สออนไลน์ หรือ ทำอะไรก็ตามที่สามารถถ่ายทอดความรู้ของตัวเองให้กลายเป็นเงินได้ ก็เป็นสิ่งที่ดีครับ
แต่สำหรับ วิทยากรที่เป็นคนนำกิจกรรมหรือ ทีม Team Building ต่างๆย่อมโดนหนักกว่าวิทยากรทั่วๆไป
เพราะนักกิจกรรมเหล่านี้ จะต้องอาศัยคนจำนวนมาก มากๆ กิจกรรมจะมีการใกล้ชิดกัน สัมผัสกัน ร้องตะโกน หัวเราะ เฮฮา ยิ่งทำไม่ได้ใหญ่ และ ต้องมีการจ้างทีมงานอีก
คนที่เป็นนักกิจกรรม สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็ทำได้เพียงออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำกิจกรรมต่างๆ
หรือถ้าเขามีความรู้อะไรต่างๆ ที่มากกว่า การกิจกรรม ก็เอามาแชร์มาแลกเปลี่ยนได้
ซึ่งมันไม่ง่ายเลยนะครับในตอนนี้
ที่ผมเล่าให้ฟัง เพราะน้องๆหลายคนที่อยากจะเป็นวิทยากร จะได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ผมได้ประสบมาก่อน
จึงอยากจะแชร์ประสบการณ์บางอย่างให้ทราบ
คำถาม
ภายหลังที่จบวิกฤตโควิด-19 อะไรบ้างที่เราต้องเตรียมตัว หากวันนั้นเราเป็นวิทยากรแล้ว แต่ 5 ปีถัดมา ก็มีเชื้อโรคร้ายกลับมาอีก
ส่วนตัวผมเอง ก็ได้รับผลกระทบมาเต็มๆ ช่วงที่เริ่มระบาดใหม่ๆ งานก็ถูกยกเลิกไป 10 งานครับ รายได้เหลือเท่ากับ 0 บาท
แต่ค่าใช้จ่าย ก็ยังคงที่ครับ เพราะมีที่ต้องจ่ายเป็นประจำอยู่แล้ว
นาทีนี้ทำให้กลับมาทบทวนดูว่า การมีรายได้เพียงทางเดียวนั้น อันตรายสุดๆ
เราต้องมีรายได้ทางอื่นๆด้วย ผมยังโชคดีที่ยังมีร้านค้าออนไลน์ ขายอุปกรณ์ PPE (www.esafetythailand.com) เล็กๆน้อยๆ
รวมถึงเรายังมีทรัพย์สินทางปัญญา ก็คือหนังสือ 4 เล่ม และอีบุ๊คที่เรามีครับ แล้วยังมีความรู้ ที่พร้อมจะทำคอร์สออนไลน์ เพื่อหารายได้เพิ่มเติมได้อีก
ไม่ใช่มีเพียงสอนแค่เรื่องของเซฟตี้เท่านั้นเรื่องอื่นเราก็สอนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพูด การเขียน การสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต และถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ
ที่เล่าให้ฟังไม่ได้ต้องการจะบอกว่าเรามีความสามารถมากมายนัก
แต่กำลังจะบอกว่า
"ทุกคนเกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จ"
เราทุกคน มีศักยภาพซ่อนอยู่ในตัว คนที่ประสบความสำเร็จทุกคน สามารถดึงศักยภาพที่เขามีออกมาได้ เพราะเขาค้นหามันเจอ
แต่คนที่ยังไม่เจอกัน เอากันตรงๆเลยนะครับ เขาไม่ตั้งใจที่จะค้นหาตัวเอง
ขออภัยถ้าต้องพูดแรงๆ เพราะว่าถ้าเขาเจอแล้ว ชีวิตของเขา ย่อมดีกว่านี้แน่ๆ
แต่ถ้าเจอแล้ว ปราศจากการลงมือทำ ก็ย่อมไม่เกิดประโยชน์อะไร
การลงมือทำอย่างเดียว ก็ไม่เพียงพอ ก็ต้อง ลงมือทำให้มันสุดความสามารถด้วย จะได้ไม่มีข้ออ้างมาบอกว่า ลงมือทำไปแล้วแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ผมขออนุญาตถ่ายทอดประสบการณ์ที่มี เพื่อเป็นประโยชน์ต่อน้องๆ หรือท่านใดก็ตามครับ ที่จะเข้าสู่วงการวิทยากรและในวิกฤตเราจะอยู่ยังไงให้ได้และสำคัญมากๆ
อย่าลืมวางแผนเรื่องการเงิน และก็ ต้องมีทุนสำรองอย่างน้อย 6 เดือน ที่เราอยู่ได้โดยที่เราไม่ต้องทำงานไว้เป็นกรณีฉุกเฉินด้วยครับ
ภาพ : bangkokpost
มูฮัม หมัดอาลี เป็นนักมวยที่โด่งดังมาก แต่โด่งดังมากจากการขี้โม้ตั้งแต่อายุ 20
ตอนนี้เขาอายุ 50 แล้ว มีคนไปถามเขาว่ายังขี้โม้เหมือนเดิมไหม?
เขาบอกว่า ผ่านมา 30 ปีถ้ายังทำเหมือนเดิมยังเหมือนเดิม ก็หมายความว่าเราไม่ได้เรียนรู้เราอะไร เราไม่ได้พัฒนาตัวเราเองเลย
เช่นเดียวกันกับสถานการณ์ตอนนี้ เราถูกน็อคดาวน์มาหลายอาทิตย์
30-40 ปีที่ผ่านมาของเรา ความคิด ความเชื่อที่มี ก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วย เพราะถ้าเราไม่เปลี่ยน เราจะถูกมันเปลี่ยน
เหมือนสึนามิคลื่นใหญ่ที่พัดเราหายไปจนไม่เหลืออะไรเลย
โชคดีทุกคนนะครับ
ปราโมทย์โอภาสมงคลชัย
ท่านใดสนใจหนังสือที่ผมเขียน